7 ที่เที่ยวทั่วไทย ควรไปสักครั้งก่อนตาย

สถานที่เที่ยวที่บรรยากาศดี ท่ามกลางธรรมชาติ พอตกกลางคืนก็นอนมองดูดาวซึ่งเป็นภูเขาหินปูนที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย อยู่ภายใต้การดูแลของเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเชียงดาว ที่นี่จะไม่มีแหล่งเก็บน้ำและกำเนิดน้ำตามธรรมชาติ แต่กลับไม่แห้งแล้งแถมมีพรรณไม้ลักษณะพิเศษเฉพาะตัวอยู่มากมาย ช่วงแนะนำคือเดือนพฤศจิกายน - มีนาคมของทุกปี จะได้สัมผัสอากาศหนาวติด -7 องศา 

มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ อายุ 75 กว่าล้านปี ตัวหินคล้ายรูปวาฬ 3 ตัว บนหลังวาฬนี้จะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดในภูสิงห์ เพราะจะได้เห็นแสงสีส้มทองไล่เฉดจากการไต่ระดับขึ้นฟ้าของพระอาทิตย์โดยมีฉากหน้าเป็นผืนป่าสีเขียวสุดลูกหูลูกตา และยังมองเห็นแม่น้ำโขงที่อยู่ระหว่างไทยกับลาวอีกด้วย

ไม่ได้มีแค่ชื่อที่เย้ายวนใจให้คนมาเที่ยวเท่านั้น แต่เมื่อขึ้นไปข้างบนแล้ววิวที่มองเห็นงดงามอย่างกับสวรรค์ จนได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 ของสถานที่พักผ่อนที่ดีที่สุด และเป็นอีกสถานที่ที่นักดำน้ำนิยมเดินทางมา เพราะมีปะการังน้ำตื้นและน้ำลึกที่สมบูรณ์ แถมยังสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกในสถานที่เดียวกัน

หาดของที่นี้งามราวกับสวรรค์บนดินจนได้รับการขนานนามว่า "มัลดีฟส์เมืองไทย" ด้วยหาดทรายขาวสะอาดกับน้ำที่ใสแจ๋วจนเก็นโขดหินและปลา ทำให้หลีเป๊ะเป็นหนึ่งในสถานที่ต้องมาสักครั้งในชีวิต

ด้วยความสวยงามทางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยขุนเขา น้ำใสสีเขียวมรกต และถ้ำหินงอกหินย้อยที่ขึ้นเองอย่างสวยงาม ทำให้ที่ได้รับสมญานามเป็น "กุ้ยหลินไทย" แนะนำให้มาเที่ยวช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ เพราะอากาศเย็นสบาย แถมตอนเช้ามีหมอกให้ชมด้วย

เพื่อน ๆ คนไหนชอบดูดาวต้องไม่พลาดที่นี้ เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ดูดาวสวยที่สุดในประเทศไทย แถมตอนกางคืนได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งคืน และนอนดูดาวสว่างเต็มท้องฟ้า 

"แกรนด์แคนยอนเมืองไทย" คงได้ยินกันบ่อย ๆ จะมีลักษณะเป็นแก่งหินขนาดใหญ่คล้ายภูเขาตั้งอยู่กลางลำน้ำโขง โดยมีแอ่ง 3,000 แอ่งที่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเห็นเป็นรูปร่างต่าง ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้จินตนาการกัน