จากการต่อสู้ของแรงงานหญิงสู่วันสตรีสากล

ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีนัยยะสำคัญมาทุกยุคทุกสมัย แม้ปัจจุบันความคาดหวังและบทบาทของผู้หญิงในสังคมจะก้าวหน้าไปมาก แต่นั่นเป็นผลมาจากพลังการต่อสู้ของกลุ่มผู้หญิงที่เรียกร้องสิทธิของตนเองมาอย่างเนิ่นนาน

เดิมทีวันสตรีสากลมีชื่อว่า “วันแรงงานสตรีสากล” ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีการระบุวันเฉลิมฉลองที่แน่ชัด จุดกำเนิดของวันสำคัญนี้เกิดจากการรวมตัวกันของแรงงานผู้หญิงกว่าหมื่นชีวิตในมหานครนิวยอร์กเพื่อเรียกร้องสิทธิและค่าจ้างที่เป็นธรรมในปี 1857 โดยแรงงานผู้หญิงมักถูกนายจ้างเอาเปรียบด้วยการให้ทำงานหนักถึง 16-17 ชั่วโมงต่อวันโดยไม่มีวันหยุดรวมถึงสวัสดิการใด ๆ ด้วยคุณภาพชีวิตที่ถดถอย พวกเธอจึงรวมตัวกันออกมาปกป้องสิทธิของตนเอง 

แม้ว่าการเรียกร้องให้ลดเวลางานเหลือ 8 ชั่วโมงต่อวันและการปรับปรุงสวัสดิการในครั้งนั้นจะยังไม่ประสบความสำเร็จในคราเดียว แต่การต่อสู้นี้จุดประกายและส่งต่อพลังให้กับผู้หญิงทั่วโลกได้ตระหนักถึงสิทธิของตนเองเป็นวงกว้าง โดยผู้ที่เป็นแม่เรือคนสำคัญของการขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าว คือ "คลาร่า เซทคิน" (Clara Zetkin) นักเคลื่อนไหวการเมืองสังคมนิยมหญิงชาวเยอรมัน ในประชุมสมัชชาสตรีสังคมนิยมครั้งที่ 2 ในปี 1910 ที่เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เธอและตัวแทนผู้หญิงกว่า 100 ชีวิตจาก 17 ประเทศเสนอให้มีการจัดตั้งวันสตรีสกากลขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการต่อสู้เพื่อสิทธิและความเสมอภาคของผู้หญิงทั่วโลก และภายหลังได้มีการกำหนดให้ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี

แม้ว่าปัจจุบันกฏหมายแรงงานจะมีการคุ้มครองให้ทุกเพศได้รับสวัสดิการและกำหนดชั่วโมงในการทำงานและค่าจ้างที่เป็นธรรมขึ้นแล้ว แต่ปัจจุบันผู้หญิงทั่วโลกยังต้องเผชิญกับปัญหาความไม่เท่าเทียมอันเกิดจากปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจที่หยั่งรากลึก ทำให้ผู้หญิงหลายคนขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา, โอกาสในการทำงาน และ สิทธิในการเข้าถึงการรักษาอย่างปลอดภัย รวมไปถึงปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศที่ยังไม่หมดไปแม้โลกจะพัฒนาก้าวหน้าไปไกลมากแล้วก็ตาม

ภาพจาก LightRocket/ Getty Images