27 May 2020 16:30
10 ที่เที่ยวฮอกไกโด ลุยเกาะเหนือแห่งญี่ปุ่น
'ฮอกไกโด' เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือสุดของญี่ปุ่น จึงมีภูมิประเทศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี รวมไปถึงทิวทัศน์ตามธรรมชาติที่ควรมาชมให้ได้สักครั้งในชีวิต และถ้าใครอยากทดลองแช่น้ำพุร้อนแบบออนเซ็นที่ฮอกไกโดก็มีให้บริการเช่นกัน แล้วภูมิภาคนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกัน
1. จุดชมวิวภูเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate), เมือง Hakodate
จุดชมวิวภูเขาฮาโกดาเตะได้รับการจัดอันดับ 1 ใน 3 ให้เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของประเทศญี่ปุ่น เมื่อขึ้นมาบนภูเขาฮาโกดาเตะที่มีความสูงถึง 334 เมตรจะได้เห็นวิวในมุมกว้าง ๆ ของชุมชนอาโกดาเตะที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาและทะเลอย่างสวยงาม จะมาชมกลางวัน แล้วมาชมกลางคืนซ้ำอีกครั้งก็ไม่แปลก เพราะทั้งสองช่วงเวลานี้ให้ความสวยงามที่แตกต่างกันไป
เวลาทำการ
-เปิดให้บริการทุกวัน ปลายเดือนเมษายน – เดือนตุลาคม เวลา 10.00 น.-22.00 น.
-ปลายเดือนตุลาคม – เดือนเมษายน เวลา 10.00 น.-21.00 น.
ค่าเข้าชม
-ไม่เสียค่าเข้าชม แต่หากขึ้นไปบนจุดชมวิวด้วยเคเบิ้ลคาร์มีค่าบริการ คือ ผู้ใหญ่ 1,280 เยน และเด็ก 640 เยน
2. ริมคลองโอตารุ (Otaru Canal Area), เมือง Otaru
แต่เดิมนั้นเมืองโอตารุเป็นท่าเรือเล็ก ๆ ที่มีความคึกคักเป็นอย่างมากในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 แต่เมื่อการขนส่งเริ่มมีการพัฒนาและมีความทันสมัยมากกว่าเดิม เมืองท่าแห่งนี้ก็ค่อย ๆ ถูกลดความสำคัญลง เหลือเพียงหมู่บ้านชาวประมงที่ชื่อเฮอร์ริ่งเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยความสวยงามของสถานที่แห่งนี้จึงทำให้ทางการได้เข้าไปปรับโฉมให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการเปลี่ยนโกดังสำหรับเก็บสินค้าทะเล ให้กลายเป็นร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์เพื่อบอกเล่าความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ รวมถึงมีการติดตั้งโคมไฟแบบโบราณไปตามถนนที่ทอดยาวขนานไปกับคลองโอตารุ ทำให้ดูโรแมนติกมาก ๆ
เวลาทำการ
-เปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และไม่เสียค่าเข้าชม
3. ทุ่งดอกไม้ฟูราโน่ (Furano Flower Field), เมือง Furano
ดอกลาเวนเดอร์นิยมปลูกในภูมิภาคฮอกไกโดมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ทุ่งดอกไม้ขนาดต่าง ๆ มีอยู่ทั่วเมืองฟูราโน่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนให้มาชมความงดงามของทุ่งดอกไม้แห่งนี้ ซึ่งช่วงที่ดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่งเต็มที่ คือช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ยังมีดอกไม้อีกมากมายหลายชนิดในฤดูอื่น
เวลาทำการ
-เปิดให้บริการทุกวัน และไม่มีค่าบริการในการเข้าชม
4. ลานสกีฟูราโน่ (Furano Ski Area), เมือง Furano
มีนักท่องเที่ยวหลายคนตั้งใจเดินทางมาเล่นสกีที่สถานที่แห่งนี้ นอกเหนือไปจากการท่องเที่ยวและการทานอาหารเพียงอย่างเดียว เพราะลานสกีฟูราโน่เคยเป็นลานสกีที่ใช้ในการแข่งขันระดับโลกมาก่อนจึงมีทั้งบริเวณทางลาดชันไม่มาก สำหรับผู้หัดเล่นสกีใหม่ ๆ และทางลาดชันแบบสูง ๆ สำหรับมือโปร หรือจะทำกิจกรรมร่วมกับหิมะ เช่น นั่งบนรถที่มีสุนัขลากเลื่อนเหมือนที่ชมในภาพยนตร์ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
เวลาทำการ
-เปิดให้บริการเวลา 08.30 น. – 20.00 น. เฉพาะในช่วงฤดูหนาว
ค่าบริการเข้าชม
-3 ชั่วโมง 4,000 เยน หากเหมาทั้งวันราคา 5,500 เยน ช่วงเวลาตั้งแต่ 17.00 – 21.00 น. 1,600 เยน (มีค่าเช่าอุปกรณ์อีกต่างหาก)
5. หุบเขานรกจิโงคุดานิ (Jigokudani noboribetsu), เมือง Noboribetsu
ถึงแม้จะเรียกว่าเป็นหุบเขานรก เพราะมีแร่กำมะถันเป็นส่วนประกอบหลักของน้ำร้อนที่ไหลไปตามลำธาร จึงทำให้ดูเหมือนมีควันพุ่งไปตามหุบเขาอยู่ตลอดเวลา แต่หุบเขาแห่งนี้ก็มีความสวยงามมากจนน่าไปเยี่ยมชมสักครั้ง โดยบริเวณหุบเขามีทางเดินเพื่อไต่เนินขึ้นไปเพื่อชมบ่อน้ำร้อนและบ่อโคลนที่สวยงาม จึงไม่แปลกที่จะมีกองถ่ายภาพยนตร์หลาย ๆ ชนชาติเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์ ไม่เว้นแม้กระทั่งภาพยนตร์จากประเทศไทย เรื่อง "แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว"
6. บ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึ (Noboribetsu Onsen), เมือง Noboribetsu
บ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึถูกเรียกว่าเป็นบ่อน้ำร้อนที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เพราะมีบ่อน้ำร้อนที่มีความแตกต่างกันถึง 9 ชนิด (บางแห่งก็ว่า 11 ชนิด) แบ่งไปตามแร่ธาตุชนิดต่าง ๆ เช่น บ่อน้ำพุร้อนกำมะถัน บ่อน้ำพุร้อนเกลือ บ่อน้ำพุร้อนโซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นต้น เมื่อมาถึงบริเวณนี้แล้วต้องการแช่บ่อน้ำพุร้อน ก็สามารถเลือกบ่อได้ตามต้องการโดยติดต่อกับทางโรงแรมที่ให้บริการบ่อน้ำพุร้อนนั้น ๆ ซึ่งจะมีค่าบริการตั้งแต่ 700-2,500 เยนขึ้นไป (หากพักค้างคืนก็จะมีราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิม)
เวลาทำการ
-ส่วนมากบ่อน้ำพุร้อนต่าง ๆ มักจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 7.00 น. เป็นต้นไป และปิดไม่เกิน 21.00 น. แต่อาจจะมีบางที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
7. สวนสัตว์อะซาฮิยาม่า (Asahiyama Zoo), เมือง Asahiyama
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของฮอกไกโดที่นักท่องเที่ยวต้องมา สวนสัตว์แห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะมีการเปิดให้เข้าชมในลักษณะของมุมมองที่แตกต่างไปจากการเข้าชมสวนสัตว์แบบเดิม ๆ เช่น การเดินผ่านอุโมงค์แก้ว เพื่อชมนกเพนกวินว่ายน้ำ การเดินผ่านโดมแก้วหิมะ เพื่อชมการใช้ชีวิตของหมีขั้วโลก เป็นต้น โดยไฮไลท์ของสวนสัตว์นี้คือการชมขบวนเพนกวินเดินพาเหรดมาตามทางหิมะที่สามารถชมได้อย่างใกล้ชิดไม่มีอะไรมากั้นเลย
เวลาทำการ
-เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.30 น. – 15.30 น. (อาจมีบางช่วงที่เปิดถึง 17.00)
ค่าเข้าชม
-820 เยน
8. โรงงานช็อคโกแล็ต (Shiroi Koibito), เมือง Sapporo
ของฝากชื่อดังของฮอกไกโดที่นักท่องเที่ยวส่วนมากรู้จักกันดี ก็คือคุกกี้เนยไส้ไวท์ช็อคโกแลตยี่ห้อ Shiroi Koibito ที่ผลิตโดยบริษัท Ishiya ซึ่งได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมโรงงานได้ ภายในโรงงานนักท่องเที่ยวจะได้เห็นการผลิตคุกกี้สุดอร่อยแบบใกล้ชิดทุกขั้นตอน และยังมีขนมอีกหลายชนิด เช่น คัพเค้ก ซอฟท์ครีม และช็อคโกแลต หรือถ้าอยากจะลองเวิร์คช้อปทำคุ้กกี้ด้วยตัวเอง ที่โรงงานก็มีสอนแบบสั้น ๆ อีกด้วย
เวลาทำการ
-เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00 น. – 18.00 น.
ค่าเข้าชม
-600 เยน
9. Sapporo TV Tower, เมือง Sapporo
ซัปโปโรทีวีทาวเวอร์ เป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ในเมืองซัปโปโร ที่มีความสูงถึง 142.7 เมตร อยู่บริเวณทิศตะวันออกของสวนสาธารณะโอโดริ ความพิเศษที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้คือการที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวบริเวณความสูงจากพื้นดิน 90 เมตร และมีงานเทศกาลจัดอยู่รอบ ๆ ตลอดทั้งปี
เวลาทำการ
-วันพฤหัสบดี – วันอังคาร เวลา 09.00 น. – 22.00 น.
ค่าบริการ
-ผู้ใหญ่ 720 เยน นักเรียนนักศึกษา 300 – 600 เยน เด็กเล็ก 100 เยน
10. Sapporo Beer Museum, เมือง Sapporo
เชื่อว่าคอเบียร์หลายคนต้องคุ้นเคยกับ Sapporo Beer ที่มีวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศไทย แต่รู้หรือไม่ว่าเบียร์ยี่ห้อนี้เป็นเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และได้รับความนิยมมากที่สุดจนต้องมีการส่งออกไปขายทั่วโลก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโรขึ้น เพื่อบอกเล่าและแนะนำความเป็นมาของเบียร์ชนิดนี้ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาเมื่อได้เยี่ยมชมจนครบแล้ว ก็จะมีเบียร์ให้ชิมฟรี ๆ กันอีกด้วยนะ
เวลาทำการ
-เปิดให้บริการวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 11.30 น. – 20.00 น.
ค่าเข้าชม
-ไม่เสียค่าเข้าชมใด ๆ ทั้งสิ้น
เมื่อประเทศทั่วโลกเปิดให้เดินทาง บอกเลยว่าฮอกไกโดคือที่แรก ๆ ที่ต้องไปให้ได้ !!