20 Jan 2020 18:00
งาน "Creative Talk Conference 2020" ที่จะมาขยายมุมมองของคุณจากวิทยากรชื่อดัง !
งาน "Creative Talk Conference 2020" มีการจัดเป็นประจำในทุก ๆ ปี ในปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยมาในคอนเซปต์ "Trends and Conversations of The New Decade" ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ในวันที่ 19 มกราคม 2563 ที่ผ่านมามีการจัดงาน “AP Thailand and SEAC Present Creative Talk Conference 2020” ภายในงานมีวิทยากรมาให้ความรู้มากกว่า 80 ท่าน ในเรื่องต่าง ๆ แตกต่างกันออกไปภายใต้ Concept “Trends and Conversations of The New Decade" สถานที่จัดงานคือที่ไบเทคบางนา ห้อง Bhiraj Hall 1-2 โดยสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือจะมารถไฟฟ้า BTS ที่สามารถเดินตรงเข้ามาทางฮอลล์ได้อย่างง่ายดาย
บริเวณหน้างานมีบูธต่าง ๆ มากมายที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นบูธ "Are You Ready For 2020 ?" เป็นบูธที่ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลองทายว่าในอนาคตทักษะไหนจำเป็นมากขึ้นและทักษะไหนจำเป็นน้อยลง และยังสามารถสแกนบาร์โค้ดดูคำตอบได้อีกด้วย ทั้งได้ลองร่วมสนุกและยังได้ความรู้ไปภายในตัว นอกจากนี้ยังมีร้านขายหนังสือ โดยหนังสือส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในด้านต่าง ๆ รวมถึงการทำธุรกิจในอนาคต และมีโซนสำหรับแลกหนังสือที่ให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถมาแลกกันได้โดยที่ไม่รู้ว่าหนังสือที่ตัวเองทำการเลือกนั้นคือเรื่องอะไรและหน้าปกเป็นอย่างไร เพราะถูกห่อหุ้มด้วยกระดาษสีขาวเหมือนกันหมดทุกเล่ม พร้อมให้เขียนข้อความสั้น ๆ บ่งบอกถึงตัวหนังสือเล่มนั้น และบูธอื่น ๆ ที่ให้ร่วมสนุกอีกมากมาย
"Conversations of The New Decade" จาก "คุณพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์" หรือคุณหนุ่ยจาก Show No limit เป็นวิทยากรพูดช่วงเช้าในหัวข้อเรื่อง Innovation โดยคุณพงศ์สุขได้ไปดูนวัตกรรมตามสถานที่ต่าง ๆ มากมายจากหลาย ๆ ประเทศ ทั้งบริษัท Sony ที่มีการประกาศเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า ในงานเพียงแค่ "โยนหินถามทาง" ดูความสนใจของผู้คนก่อน โดยเรื่องนี้สื่อถึง Innovation ในอนาคตได้ว่ารถยุคนั้น คนไม่จำเป็นต้องขับรถเองก็มีสิทธิ์เป็นไปได้เป็นอย่างมาก เป็นการลดภาระได้อีกด้วย และยังมีรถยนต์ที่เคยมีออกมา ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ไม่มีท่อไอเสียเกิดขึ้นจริง แถมยังสะดวกสบายมากขึ้น และยังสามารถช่วยเรื่องรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังมี Mercedes Benz ที่มีการเตรียมรถไฟฟ้าไว้ โดยสามารถสั่งได้ด้วยการวางมือแตะลงไปในชิ้นส่วนของรถที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ตัวรถยนต์จะสามารถอ่านอารมณ์ของคนบนรถได้ และสั่งการได้จากการใช้สัมผัสผ่านทางมือ ไม่ต้องใช้พวงมาลัยอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมี AI อีกมากมายที่สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคต ทั้ง Printer พิมพ์หนังหน้าใหม่ ช่วยทำให้รอยดำและรอยกระหายไปได้เร็วขึ้น หรือเปลี่ยนจากการเลี้ยงสัตว์ มาเป็นเลี้ยงหุ่นยุนต์ "Lovebot" นั่นเอง มีการขายจริงแล้วในญี่ปุ่น เป็นการแสดงให้เห็นและยืนยันได้ว่านวัตกรรมต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถคิดว่าจะเกิดขึ้นได้อาจเกิดได้จริงในอนาคต เป็นเรื่องที่ทั้งน่าทึ่งและน่าตื่นตาตื่นใจในการเปลี่ยนแปลงของยุคปัจจุบัน
ต่อมาจะเป็นวิทยากรชื่อดังอย่าง "คุณรวิศ หาญอุตสาหะ" จาก Srichand และ "คุณธนาวัฒน์ มาบาบุปผา" จาก Priceza ที่จะมาพูดในหัวข้อเรื่อง "Entrepreneur & People" โดยกล่าวได้ว่าในปัจจุบันเส้นกั้นระหว่าง Industry นั้นบางลงเรื่อย ๆ บางบริษัทไม่จำเป็นต้องทำเพียงแค่สิ่ง ๆ หนึ่งเท่านั้น ยังสามารถทำอย่างอื่นได้ อย่างเช่น Social Commerce หรือ E-Commerce ที่ได้รับการเติบโตอย่างมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น Lazada, Shoppee หรือ JD โดยเทียบได้จากสามเจ้าหลักที่มียอดขายในปี 2019 มากขึ้นจากปี 2018 ถึงหนึ่งร้อยหลานชิ้น โดยมีการสำรวจผู้ขายใน 6000 - 7000 รายนั้นมีทั้ง SME ที่มียอดขายเยอะอยู่แล้ว แต่ก็ต้องการยอดขายเพิ่ม จึงได้ทำการลงทุนในส่วนนี้ และ Hidden E-Commerce ที่มีทั้งพนักงานประจำ แม่บ้าน หรือนิสิตนักศึกษา ที่แสดงให้เห็นชัดว่าเทรนด์ที่กำลังมาแรงในขณะนี้และในอนาคตที่กำลังจะมาถึง คน ๆ นึงไม่จำเป็นต้องทำเป็นแค่สิ่งเดียว ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และปรับตัวอยู่เสมอ และเราไม่เพียงแค่สู้กับคนไทยเท่านั้น เพราะ 80 % มาจากผู้ขายต่างประเทศ โดยหลักเลยคือประเทศจีนซึ่งเป็นแหล่งผลิตสินค้าต่าง ๆ อย่างมากมาย และอีกเพียง 20 % เป็นของคนไทย จึงต้องมีการปรับตัวและการรับมือให้ได้
ในการเตรียมรับมือนั้น คุณรวิศกล่าวไว้ว่าคนเราควรมี "3 ต้อง" คือ "เราต้องทำงานให้ดีก่อน ต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้" เปรียบเทียบกับการเข้าฟิตเนสที่ใครหลาย ๆ คนบอกจะเริ่มต้นปีด้วยการออกกำลังกาย แต่พอนานไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มท้อถอย ซึ่งจะส่งผลเสีย ควรทำให้ได้เพราะถ้าไม่ทำในตอนนี้ โอกาสหน้าอาจจะไม่มีให้ทำแล้ว นอกจากนี้ยัง "ต้องหัดที่จะเรียนรู้ให้ได้" ออกแบบชีวิตตัวเองใหม่ คอยปรับตัวอยู่เสมอ ถ้าหากเราไปคุยกับโปรแกรมเมอร์ เราก็ควรที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับโปรแกรมต่าง ๆ เพื่อให้คุยงานรู้เรื่อง เพราะถ้าหากไม่เกิดการเรียนรู้ จะสามารถทำให้ตกเทรนด์และคุยงานกันไม่รู้เรื่องได้ และที่สำคัญที่สุดคือ "จัดการชีวิตตัวเองให้ได้" จัดการชีวิตให้ตรงตามแผนที่ทำไว้ เป็นระเบียบเมื่อชีวิตเรามีแบบแผน ความสำเร็จก็อยู่ใกล้มากขึ้น
ทางด้านของคุณธนาวัฒน์นั้นกล่าวไว้ว่า "มองในแง่ของผู้ประกอบการก็จะต้องทำใจ เพราะผู้ประกอบการจากต่างประเทศจะเข้ามาโดยที่เราไม่สามารถรู้ได้" แต่ก็มีวิธีการเตรียมรับมือเช่นเดียวกัน คือ "สินค้า" ผู้ประกอบการจะต้องตีโจทย์สินค้าให้แตกก่อน เช่น สินค้าคืออะไร จะขายอย่างไร ราคาเท่าใด คู่แข่งสินค้าจากจีนหรือไม่ เพราะผู้ประกอบการจีนจะผลิตสินค้าและได้ราคาถูกกว่าเรามาก หลังจากนั้นก็ต้องดูเรื่อง "บริการ" เพราะการขายแบบ E-Commerce นั้นไม่ใช่การขายเสร็จแล้วก็จบไป ยังต้องมีการบริการความประทับใจหลังการขายอีกด้วย การแพ็คของ การตอบข้อความ หรือการจัดส่งก็เช่นกัน และส่วนสุดท้ายคือ "ช่องทาง" ต้องดูว่าผู้ประกอบการจะขายทางช่องทางไหนเป็นหลัก และเลือกให้เหมาะสมกับสินค้า จึงจะตอบโจทย์ของเรามากที่สุด
นอกจากนี้ในช่วงบ่าย ภายในงานยังมีการแบ่งห้องออกเป็นตามหัวข้อต่าง ๆ ตามที่คนสนใจ และมีตารางเวลาแตกต่างกันออกไป อย่างเรื่อง "Design is State of mind and Words Bring Thoughts" เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจนแทบจะไม่มีที่นั่งว่างกันเลยทีเดียว โดยมีวิทยากรอย่าง "คุณณัฐวิทย์ ทองประเสริฐ" ที่มาให้ความรู้ในเรื่อง "Words Bring Thoughts"
คุณณัฐวิทย์กล่าวไว้ว่า "ธรรมชาติของคนเรานั้นใช้คำพูดเป็นหลัก โดยใช้เป็นตัวแทนของภาพ เป็นเครื่องมือในการคิด จะไม่สามารถเกิดความคิดได้ถ้าไม่มีภาษา และยังมีไว้เพื่อใช้สื่อสารกันและกัน" ภาษาเป็นสิ่งที่ทำให้สิ่งที่เราไม่เห็นกลับกลายมาเป็นภาพที่เห็นได้ หากเปรียบเทียบกับสัตว์ชนิดต่าง ๆ คำว่า "พรุ่งนี้" "เมื่อวาน" ไม่มีอยู่จริงแต่มนุษย์เรา สามารถเข้าใจคำพวกนี้และทำให้คำนามกลายมาเป็นคำรูปธรรมได้ คำว่า "Idea" ซึ่งแปลว่าความคิด มาจากภาษากรีก หรือแปลได้ว่า "To see" สื่อได้ว่าการที่เรามองเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะสามารถทำให้เราเกิดไอเดียต่าง ๆ หรือเกิดเป็นภาพในหัวเป็นจินตนาการของเราก็ได้
"ตาวิเศษ" แคมเปญที่ดีที่สุดที่ที่คุณณัฐวิทย์เคยเห็น เป็นการเล่นคำ ทำให้มีความรู้สึกว่าเห็นถึงสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น โดยจะนำไปติดไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นการรณรงค์การทิ้งขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นคำที่ผู้ใดเห็นแล้วก็จะรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องตลอดเวลา
คำจำกัดความต่าง ๆ ถ้าเราจบแค่ตรงนั้น มันจะไม่สามารถพาเราต่อยอดได้เลย แต่ถ้าหากเราใช้มันเป็นคำตั้งต้น พยายามเสาะหาคำใหม่ ๆ ต่อยอดจากคำนั้น เปิดประเด็น ไม่จบเพียงแต่ความหมายตรงนั้น หรือเราสามารถนำคำมาแยกส่วน มาถอดเป็นคำใหม่ ดูกลไกต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ นอกจากนี้คำทั่ว ๆ ไปที่เป็นกระแส เราสามารถหยิบยกมันขึ้นมาและดัดแปลงได้ ทำให้เราได้ความคิดอะไรใหม่ ๆ และรู้จักสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้อีกมากมาย ดังคำกล่าวของคุณณัฐวิทย์ "The Birth Of End คำที่ไม่จบแค่คำ สามารถเป็นจุดเริ่มต้นและทำให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ได้"
ไม่เพียงแค่ได้ฟังความคิดดี ๆ จากวิทยากรชื่อดังกว่า 80 ชีวิต ความรู้ต่าง ๆ ที่ได้จากงานในครั้งนี้ยังมีประโยชน์และนำไปต่อยอดที่พร้อมปรับตัวในอนาคต เพราะอนาคตเปลี่ยนไปแล้ว !
You have entered www.eventpop.me and exited from SCB Easy