20 Sep 2019 11:00
เก็บเงินอย่างไรให้มีเงินเหลือไปสมัครงานวิ่ง
พอพูดถึงงานวิ่ง นักวิ่งหลายคนอาจจะต้องเสียเงินเดือนละหลายพันเลยทีเดียว สำหรับค่าสมัครรงานวิ่ง เนื่องจากงานวิ่งสมัยนี้อย่างน้อยๆขั้นต่ำก็เริ่มที่คนละประมาณ 500 บาท และนี่ยังไม่รวมถึงค่าเดินทางไปวิ่งอีกด้วย จนหลายต่อหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลย "เสียหายกันไปเท่าไหร่แล้วกับการวิ่ง" วันนี้เลยจะขอมาวิเคราะห์เรื่องค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการวิ่ง กับเทคนิคการประหยัดเงินอย่างไรให้พอกับการออกไปวิ่งในแต่ละงาน
มาดูกันค่ะว่าถ้าไปงานวิ่งเราจะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่กันบ้าง
►►งานวิ่งในกรุงเทพฯ
ปกติแล้วงานวิ่งที่เริ่มด้วย Fun run ระยะทางไม่มากอยู่ที่ 3.5 หรือ 5 กิโลเมตร เป็นระยะที่นักวิ่งที่เชี่ยวหลายสนามนั้นอาจจะมองว่า "ระยะนี้ธรรมดาเกินไป" แต่รู้ไหมว่าค่าสมัครนั้น เฉลี่ย ๆ บางรายการก็จะต้องเริ่มด้วย 500 บาท ซึ่งจะได้มาพร้อม BIB และเสื้อวิ่ง
โดยถ้ามีระยะทางที่เพิ่มขึ้น ค่าสมัครก็อาจจะแพงตามไปด้วย
►►งานวิ่งต่างจังหวัด
เฉลี่ยค่าสมัครงานวิ่งต่อคนจะอย่ที่ประมาณ 500-600 บาท ซึ่งยังไม่รวมถึงค่าเดินทางและค่าที่พักด้วย ก็อาจจะตกคนละ 2,000-3,000฿ ต่องานซึ่งอาจจะน้อยหรือมากกว่าได้ก็ขึ้นอยู่กับความหรูหราของที่พักด้วยนะ
💸โดยสรุป ๆ ต่องานนักวิ่งจะต้องใช้เงินประมาณ 2,000฿ แล้วพนักงานออฟฟิศจะประหยัดเงินอย่างไรให้มีตังค์ไปวิ่งได้
1. งดชาไข่มุก เพิ่มเงินเก็บ
สมัยนี้ค่าชานมไข่มุกบอกเลยว่า ราคานั้นแทบไม่ต่างจากราคาค่าข้าว 1 มื้อเลยค่ะ ราคาเฉลี่ยต่อ 1 แก้วจะอยู่ที่ประมาณ 70 บาท ถ้าหากเป็นแบรนด์ดัง ไข่มุกนุ่มๆ ชมนวลๆ (แม้ว่าใครจะบอกว่า 19 บาทก็มี แต่รสชาติก็ต่างกันอยู่นะคะ ^^)
สมมุติว่า 1 เดือน ดื่ม 30 แก้ว จะเท่ากับว่าเราจะเสียเงินไปกับค่าเครื่องดื่มที่ทำให้เราอ้วนขึ้นมากถึง 2,100 บาทเลยทีเดียว
2. เก็บเงินวันละ 50 บาททุกวัน
ถ้าเพื่อน ๆ นักวิ่งคนไหนอยากจะมีเงินไปวิ่งได้ทุกที่ลองดูสูตรเก็บเงินด้วยแบงค์ 50 ทุกวันนะคะ ลองหากระปุกออกสินที่เรียกว่าหยิบเงินออกยาก ๆ ใส่แบงค์ 50 ในทุกๆวันดูนะคะ
พอถึงสิ้นเดือน เพื่อน ๆ ก็จะมีเงินเก็บสะสมสำหรับงานวิ่งมากถึง 50 บาท x 30 วัน = 1,500 บาทแล้วค่ะ (ไปลุยงานวิ่งตจว.ได้แล้วนะ)
3. ลดการกินข้าวนอกบ้าน เพิ่มเงินในกระเป๋า 1,000 บาท
ในหนึ่งเดือนเราควรจำกัดครั้งในการรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร อย่างมากควรไม่เกิน 2 ครั้งต่อเดือน เนื่องจากเวลาที่เราไปกินอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะในร้านอาหารหรือภัตตาคารหรู เราไม่ได้เสียแค่ค่าอาหารที่เรากินจนอิ่มท้องเท่านั้นหรอกนะคะ แต่ยังมีค่าภาษีและค่าบริการ เช่น ค่าพนักงานเสิร์ฟ ทิปส์พนักงาน ค่าแอร์ ค่าที่จอดรถ รวมทั้งค่าเดินทาง เบ็ดเสร็จแล้วในหนึ่งมื้อที่ร้านอาหาร เพื่อน ๆ อาจะต้องควักเงินเกิน 1,000 ต่อมื้ออาหารเลยทีเดียว
4.สมัครช่วงที่เปิดขายบัตรแบบ Early Bird
บัตรที่ขายช่วง Early Bird เป็นช่วงที่ราคาบัตรนั้นจะถูกกว่าปกติ บางงานนั้นมีราคาถูกกว่าถึง 100 บาท ก็สามารถประหยัดเงินส่วนนี้ไปซื้อน้ำดื่ม หรือจะเป็นเกลือแร่ได้หลายขวดเลยทีเดียว โดยช่วงนี้มีงานวิ่งที่กำลังเปิดขายบัตรช่วง Early เช่น
∙KBank presents Kids Racing Run ลิงก์เปิดรับลงทะเบียน https://bit.ly/2mnWJiX
∙KILORUN CHIANG RAI 2019 ลิงก์เปิดรับลงทะเบียน https://bit.ly/2ktAesm
5.ลองมองหางานวิ่งฟรีดูนะคะ อาจจะมีมาให้เห็นบ้าง คราวนี้เอาเงินที่ประหยัดมาในทุกข้อเก็บเงินไป "วิ่งเมืองนอก" ได้แล้วค่า
แต่สุดท้ายถ้าใครจะมองว่าการลงงานวิ่งนั้นเป็นการฟุ่มเฟือย แอดก็จะบอกว่า "เราเข้าในะ ว่าถ้าเอาค่าวิ่งมาออมไว้ป่านนี้ก็มีเงินซื้อรถหรูไปแล้ว แต่ต้องบอกว่าบางคนนั้น งานวิ่งมันเติมเต็มความสุขซะมากกว่าการขับรถหรูราคาแพงๆซะอีก" เพราะสำหรับเรามันเรียกว่าการเสพติดการวิ่งเลยก็ว่าได้
You have entered www.eventpop.me and exited from SCB Easy