รองเท้าวิ่งดี ๆ สำคัญกับนักวิ่งมากแค่ไหน

การเลือกรองเท้าวิ่งควรเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก ๆ เพราะแต่ละคนจะมีลักษณะของรูปเท้าที่แตกต่างกัน หากเลือกซื้อรองเท้าวิ่งได้ไม่เหมาะสมกับรูปเท้าของตัวเอง อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บจากการวิ่งได้ 

การเลือกรองเท้าวิ่งต้องศึกษาและหาข้อมูลว่าฝ่าเท้าของเราเป็นแบบไหน (หากใครอยากรู้ว่าฝ่าเท้าของตัวเองมีลักษณะอย่างไรสามารถเข้าไปอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ Running Addict ) ซึ่งปกติคนเราจะมีลักษณะของฝ่าเท้า แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ปกติ (Normal Arch) เท้าแบน (Flat arch) และอุ้งเท้าสูง (High arch) แต่ในคนที่มีลักษณะฝ่าเท้าแบนมักจะเกิดอาการ Overpronate หรือเท้าล้ม ทำให้เสี่ยงเกิดอาการบาดเจ็บได้ง่ายจากการลงน้ำหนัก

โดยมีบทความจากผู้เชี่ยวชาญพูดถึง "เลือกรองเท้าวิ่ง อย่างไร...ไม่ให้มีอาการเจ็บ" จาก 3 อย่างที่เกี่ยวกับรองเท้าวิ่ง คือ

มีงานวิจัยเปรียบเทียบระหว่าง Heel-to-Toe drop ที่แตกต่างกัน 3 ระดับเป็นเวลา 6 เดือน ผลการวิจัยไม่พบความแตกต่างกันของอัตราการเกิดอาการบาดเจ็บระหว่างคน 3 กลุ่ม  และกลุ่มนักวิ่งประจำนั้น รองเท้าที่มี Heel-to-Toe drop สูง ๆ จะได้ประโยชน์มากกว่า

นักวิจัยศึกษาเรื่องนี้โดยให้นักวิ่งใส่รองเท้าที่เหมือนกันหมดทุกอย่าง ยกเว้นความแข็งนุ่มของวัสดุพื้น โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มพื้นนุ่มและกลุ่มพื้นแข็ง พร้อมเก็บข้อมูลเป็นเวลา 5 เดือน ผลปรากฎว่าทั้ง 2 กลุ่ม มีอัตราการบาดเจ็บไม่ต่างกัน นั่นหมายความว่าความนุ่มของรองเท้าไม่ได้มีผลกับอาการบาดเจ็บ

จากงานวิจัยได้มีข้อมูลออกมาว่ารองเท้าวิ่งตามรูปเท้าสามารถช่วยลดอาการบาดเจ็บได้ และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากรองเท้า Motion Control จริง ๆ มีเพียงกลุ่มนักวิ่งที่มีลักษณะฝ่าเท้าแบนเท่านั้น ไม่มีผลช่วยลดอาการเจ็บในนักวิ่งเท้าปกติและอุ้งเท้าสูง

หรืออีกหนึ่งวิธีที่คุณหมอแป๊บแนะนำสำหรับคนที่มีฝ่าเท้าแบน คือ ใส่แผ่นรองรองเท้าแทนได้ ซึ่งแผ่นรองรองเท้าที่ดีควรเสริมอุ้งเท้าด้วยวัสดุที่แข็งพอประมาณและเหมาะจะใส่กับรองเท้าที่ชอบ เพราะรองเท้า Motion control มักจะหนัก เทอะทะและไม่ค่อยสวย